" อะไรคือสิ่งที่คุณจดจำในชีวิตหลังการสู้รบ " บทสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ Delta Force ตัวจริงจากเหตุการณ์ Black Hawk Down Valor Tactical


" Norm Hooten " คือหนึ่่งในเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ Delta Forces
ใน
 Operation Gothic Serpent เขาและทีมได้เข้าไปปฏิบัติภารกิจ

เขาทำภารกิจสำเร็จลุล่วง ก่อนที่ทุกอย่างเริ่มผิดพลาดตั้งแต่วินาที
ที่เครื่องบิน Black Hawk ลำนึงถูกยิงตก และจากภารกิจจู่โจมและจับกุม
ก็กลายเป็นภารกิจช่วยเหลือในเวลาต่อมา  ..



เรื่องราวของเขาได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ
ตัวละคร Delta Force ที่ชื่อว่า " Hoot " ในหนัง Black Hawk Down
ผู้เป็นเจ้าของวลีเด็ด " This is my safety " อันโด่งดัง

หากท่านยังไม่ได้อ่านบทความเกี่ยวกับฉากนี้สามารถดูได้ที่ Link นี้ครับ

" This is my safety " ไขวลีเด็ดจากหนัง Black Hawk Down
โดยเจ้าหน้าที่ตัวจริงในเหตุการณ์ – Valor Tactical 


และในวันนี้ .. เราจะมาสัมภาษณ์ Norm Hooten แชร์ประสบการณ์
รวมไปถึงเรื่องเล่าชีวิตของเขาหลังจากเหตุการณ์ Black Hawk Down กันครับ

This 'Black Hawk Down' special operator is still fighting, but on a  different front

" ถ้าจะมีอะไรซักอย่างที่ได้รับจากการสู้รบ
นั่นคือเวลาคุณทำอะไรก็ตาม มีสติเอาไว้ อย่าสติหลุดเด็ดขาด "

" เหตุการณ์จริงมันไม่ได้ดีอย่างที่คิด และมันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเหมือนกัน 
แต่จำเอาไว้ว่าก้มหัวให้ต่ำ และหาทางเอาตัวรอดออกไปให้ได้ " 

Hooten กล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ ...

ย้อนกลับไปในช่วงหน้าร้อนปี 1993 หน่วย Delta Forces
ปฏิบัติการร่วมกับ U.S. Ranger ในภารกิจการจับกุม
หรือสังหาร Mohamed Farrah Aidid ผู้นำหัวรุนแรง
ที่เป็นเบื้องหลังการสังหารหมู่และทรมานประชาชนผู้บริสุทธิ
ภายในพื้นที่เมืองโมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย



ในวันที่ 3 ตุลาคม ทางหน่วยข่าวกรองได้รับข้อมูลมาว่า
กลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไอดิด ที่เป็นเป้าหมายหลัก
มีแผนที่จะนัดประชุมในอาคาร และนั่นทำให้เกิดปฏิบัติการที่มีชื่อว่า
Operation Gothic Serpent ซึ่งภารกิจหลักคือการบุกเข้าจับกุม
บุคคลสำคัญ เก็บข้อมูล และควบคุมตัวออกจากพื้นที่

ซึ่งในตอนนั้นทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น
จนกระทั่งจุดเปลี่ยนคือตอนที่เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk 
ที่คุ้มกันอยู่ถูกยิงจนตกไปในพื้นที่ของชาวโซมาเลีย

ซึ่งท่านสามารถดูคลิปวีดีโอเหตุการณ์จริง
ในวินาทีที่เครื่องบินตกได้ที่ Link ด้านล่างครับ



เหตุการณ์นั้นทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่
จากภารกิจที่ควรจะจบภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
กลับกลายมาเป็นปฏิบัติการช่วยเหลือ และปะทะต่อเนื่อง
กับชาวโซมาเลีย ยาวนานเกือบ 2 วัน คร่าชีวิต
เจ้าหน้าที่สหรัฐถึง 18 นาย และชาวโซมาเลียหลักร้อยคน 



Hooten เริ่มรับใช้ชาติในสังกัดกองทัพบกมาตั้งแต่ปี 1980 
ได้รับการบรรจุเข้าหน่วย Delta Forces ในปี 1987 
และเขาได้เกษียณตัวเองออกจากราชการในปี 2001 

เขาได้ผ่านสมรภูมิหนักๆมาหลายที่นอกเหนือจากโมกาดิชู
ไม่ว่าจะเป็นแถวๆ เลบานอน , จอร์แดน , บอลข่าน 

ปัจจุบันเขากลายมาเป็นเจ้าของกิจการขายซิการ์และวิสกี้ของเขาเอง
ในชื่อแบรนด์ว่า " Hooten Young " ซึ่งเป็นกิจการที่ตัวเขา
ได้หุ้นกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมานาน Tim Young 

และตัวเขายังเป็นเภสัชกรที่คอยซัพพอร์ทเพื่อนทหารผ่านศึก
จากอาการติดยาแก้ปวดเรื้อรัง และยังคงปฏิบัติหน้าที่จนถึงปัจจุบัน

และนี่คือบทสัมภาษณ์ของเขา ...



ผู้สัมภาษณ์ : เอาละ .. ผมเข้าใจว่าคุณไม่สามารถเปิดเผย
รายละเอียดหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ
หน่วย Delta Forces ได้มากมายนัก

แต่พอจะแชร์เรื่องราวให้เราได้ไหม
เกี่ยวกับความรู้สึกเมื่อคุณอยู่ในหน่วย

อะไรที่หลายๆคนยังไม่รู้เกี่ยวกับ
การเป็นสมาชิกของหน่วย Delta ?


Norm Hooten : พอผมลองมองย้อนกลับไปสมัยเพิ่งเข้าหน่วยแรกๆ
ผมคิดว่าสิ่งแรกๆที่คนทั่วไปนึกถึง Delta นั่นคือชายล่ำๆหุ่นนักกีฬา
ที่เหมือนกับทุกคนหลุดออกมาจาก NFL ( นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล
ในลีกระดับประเทศ ) มีความแข็งแรง ดุดัน แตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป

แต่เอาเข้าจริงๆไม่ใช่เลย .. สิ่งที่ทำให้พวกเขาแตกต่าง
จากทหารหรือบุคคลทั่วไป มันคือรูปแบบกระบวนความคิด
ความมีระเบียบวินัย , การจัดระบบที่เข้มแข็ง และมีความพร้อม
ในทุกๆการกระทำของเขาจะมีการเตรียมการล่วงหน้าเสมอ


( วงกลมสีแดง : Norm Hooten ในช่วงคัดเลือกเข้าหน่วย Delta Forces ) 

ในตอนที่คุณยังอยู่ในหน่วยทั่วไป เวลาคุณไปออกรบ
หรือไปประจำการ คุณมีโอกาสได้กลับมาบ้าน พักผ่อนกับครอบครัว
และรอช่วงเวลาที่จะได้กลับไปประจำการต่อ ...

แต่กับการอยู่ Delta มันไม่ใช่แบบนั้น ..
ตลอดเวลา 15 ปีที่ผมรับราชการ
ไม่เคยมีซักวันหนึ่งที่ผมจะละเลย หรือลืมว่าจะต้อง
เช็คอุปกรณ์รวมถึงเสื้อเกราะและอาวุธปืนของผม
ให้อยู่ในสถานะพร้อมปฏิบัติการ เพราะในทุกนาทีในชีวิต
คุณอาจจะถูกเรียกไปปฏิบัติภารกิจเมื่อไหร่ก็ได้



มันเป็นความเครียดและความกดดัน เป็นเหมือนกับ
เชือกที่ลากจิตใจเราไว้และเราเรียกกันว่า " The Short Sting "
ซึ่งด้วยหน้าที่การงานของเรา มันกลายเป็นสามัญสำนึก
ที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องมีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา

ไม่ว่าจะเป็นความฟิตของร่างกาย , ความสามารถ
ในการยิงปืนอย่างแม่นยำราวจับวาง , ภาษาและการสื่อสาร
ทุกเทคนิคในการดำเนินกลยุทธ คุณจะต้องมีความเชี่ยวชาญ
และมีความพร้อมเสมอ คุณไม่สามารถปล่อยตัวให้การ์ดตกได้
นั่นคือสิ่งที่อยู่ในหัวพวกเราเสมอมา และนั่นคือสิ่งที่ทำให้
พวกเรามีความแตกต่างจากหน่วยทั่วๆไปในกองทัพ

ซึ่งผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะมองว่า " เฮ้ .. นี่อาจจะเป็นคำตอบ
ของเจ้าหน้าที่ Delta ที่ดีคนนึงเฉยๆละมั้ง " แต่ผมจะบอกแบบนี้ละกัน

ในบรรดาเจ้าหน้าที่ Delta ทั้งหมดที่ผมร่วมงานด้วยตลอดชีวิตราชการ
ผมไม่เคยเจอใครที่ใช้ชีวิตแตกต่างจากที่ผมพูดมาข้างต้นเลย
ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว ทุกคนใช้ชีวิตตามวิถีแบบนี้หมด 



ผู้สัมภาษณ์ : และด้วยวิถีชีวิตแบบนี้ ...
คุณบาลานซ์ชีวิต
ส่วนตัวกับหน้าที่การงานยังไง ?

Norm Hooten : ผมจะเล่าให้ฟังอย่างนึง ..
ผมพยายามอย่างหนักมากๆ
ที่จะเข้ามายังหน่วยนี้
ผมมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหน่วย
เหมือนๆกับทุกคนที่เข้ามาอยู่ในจุดเดียวกัน

และนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าผมจะต้องทำทุกอย่าง
เพื่อไม่ให้พวกเขาผิดหวัง ฉะนั้นในทุกๆวัน
สิ่งเดียวที่ผมโฟกัสในชีวิตตอนนั้น คือผมจะต้องมั่นใจได้ว่า
ผมจะไม่กลายมาเป็นคนที่คอยถ่วงคนอื่น
หรือทำให้คนอื่นในทีมผิดหวัง

ในช่วงแรกที่ผมได้เข้าหน่วย ตอนนั้นผมยังโสด
และยังไม่มีครอบครัว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องง่ายมาก
ในการบริหารชีวิต หลายๆคนที่ผมรู้จัก
มีครอบครัวอยู่ก่อนที่จะได้บรรจุเข้าหน่วย



และเมื่อถึงเวลาที่คุณจะต้องใช้เวลามากถึง 300 วันต่อปี
ในการปฏิบัติหน้าที่ และเมื่อถึงเวลาที่คุณกลับมาบ้าน
แม้ว่าตัวคุณจะอยู่ที่บ้าน แต่คุณจะไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้าน
เพราะคุณถูกฝึกมา ชีวิตคุณอยู่กับภารกิจมากกว่าบ้านของคุณ

นั่นทำให้ชีวิตครอบครัวเป็นเรื่องที่ลำบากมากๆสำหรับพวกเขา
ทำให้หลายๆครอบครัวรู้สึกว่าสามี , คุณพ่อของเขาเปลี่ยนไป
สำหรับผม .. มันง่ายกว่ามากและดูเป็นข้อได้เปรียบที่ตัวผม
ยังไม่มีครอบครัวตลอดช่วง 8 ปีแรกของการเข้าประจำการในหน่วย

หลังจาก 8 ปีแรกผ่านไป ผมเริ่มปรับตัวกับมันได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
และผมมีโอกาสได้พบกับผู้นำที่ดี เขาเคยมีประสบการณ์การรบ
รวมไปถึงบัญชาการรบสมัยสงครามเวียดนาม เขาได้ให้ข้อคิดดีๆ
ในการใช้ชีวิตกับผม จนผมสามารถสร้างบาลานซ์ชีวิตได้สำเร็จ

ทริคของมันก็คือ ..

" คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไป
เปรียบเทียบกับใคร ไม่ต้องซีเรียสว่าคุณจะเหนือกว่า
หรือจะมีคนเหนือกว่าคุณ ลองปล่อยวางและลอง
ก้าวออกไปข้างหน้าแบบสบายๆ ในแบบที่เราสบายใจดูบ้าง 
ชีวิตไม่จำเป็นต้องซีเรียสกับทุกเรื่องเสมอไป "

และนั่นก็ช่วยผมได้เยอะมากจริงๆ มันมีผลต่อชีวิตของผม
แนวคิดนี้ช่วยในการตัดสินใจหลายๆอย่างในชีวิตมากมาย
แม้กระทั่งการที่ผมตัดสินใจที่จะออกจากกองทัพ
และสมัครเข้าเรียนเพื่อเป็นเภสัชกรประจำโรงพยาบาลทหารผ่านศึก



จุดเปลี่ยนของผมเลย คือการที่ผมสูญเสียเพื่อนของผมไป
จากอาการเสพยาเกินขนาด ( Overdose ) ซึ่งมันดูเป็นเรื่องปกติ
ของอดีตทหารประจำการในยุคนั้น ...

พวกเราทุกคนล้วนผ่านการสู้รบ พวกเรามีบาดแผล
ไม่ว่าจะทางกายหรือทางใจ โดยเฉพาะกับเจ้าหน้าที่รบพิเศษ
พวกเราเจอกับความเจ็บปวดหลายๆรูปแบบ ได้รับบาดเจ็บมากมาย
นั่นทำให้พวกเราคุ้นชินกับการทานยาแก้ปวด หรือยารักษาต่างๆ

สุดท้ายมันก็นำพาให้พวกเราบางคนต้องพึ่งพามัน
บางคนถึงขั้นเสพติดเพียงเพราะต้องใช้ยาแก้ปวดดังกล่าว
ถึงจะทำให้พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาสามารถใช้ชีวิตแบบปกติได้

นั่นทำให้ผมตั้งใจที่จะศึกษาในวิชานี้ มองหาสาเหตุของการเกิดปัญหา
และวิธีแก้ไขมันให้ถูกต้อง ทำให้ผมเลือกภารกิจชีวิตใหม่ของผม
นั่นคือผมต้องการช่วยเหลือเพื่อนทหาร ให้หลุดพ้นจากการเสพติด
การใช้ยาแก้ปวด ผมอยากให้พวกเขากลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุข



นอกจากนี้ การตัดสินใจเปิดแบรนด์วิสกี้และซิการ์
ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ผมเลือกทำเพราะความสบายใจเหมือนกัน

พวกเราเริ่มกิจการนี้จากการทำซิการ์
เพราะพวกเราชอบสูบกันมากๆ คราวนี้ปัญหาก็คือ
การที่เราจะหาวิสกี้ที่มันเข้ากันได้กับซิการ์นั้นค่อนข้างยาก
เราก็เลยมาจบที่การทำวิสกี้เพิ่มขึ้นมาด้วยซะเลย

และมันก็โอเคมากๆนะ ผมว่าผมมีความสุขกับชีวิตหลังเกษียณ
ในแบบที่เป็นตัวผมเอง และสบายใจที่สุดละ



เอาละ ... เรามาเข้าสู่คำถามสบายๆกันบ้างดีกว่า
อะไรคือหนังโปรดในดวงใจตลอดเวลาของคุณ ?


Norm Hooten : ผมชอบซีรี่ย์เรื่อง Band of brother นะ 
ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนังที่เก็บความรู้สึกทุกอย่างของความเป็นทหาร
ครบเครื่องในหนังเรื่องเดียว โดยเฉพาะกับเรื่องความเป็นผู้นำ
และการลุยเรื่องราวต่างๆไปด้วยกัน ทุกครั้งที่ผมดู
ผมมักจะได้ข้อคิดใหม่ๆจากหนังเรื่องนี้เสมอ 

ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีแรงบันดาลใจอยากเป็นผู้นำที่ดี
อย่างน้อยควรดูหนังเรื่องนี้ซักครั้ง และก็ถ้าเกิดอยากให้แนะนำ
หนังอีกซักเรื่องนึง ก็คงเป็นเรื่อง Saving Private Ryan ที่ให้ความรู้สึก
คล้ายๆกันกับที่ผมกล่าวมา

ถ้าเกิดโลกนี้เกิดเหตุการณ์ซอมบี้ระบาด สิ่งแรกที่คุณจะทำคือ ?

Norm Hooten : กระสุน 5.56 ซัก 10,000 นัด
และปืน M4 พร้อมกับดอทและกล้องมองกลางคืน



อะไรคือเหตุการณ์ที่คุณรู้สึกกลัวที่สุดตั้งแต่รับราชการมา ?

Norm Hooten :
ความจริงมันมีเรื่องราวเยอะแยะเลยนะ 
ที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวมากๆ แต่เรื่องนี้คือที่สุดสำหรับผมเลย
มันคือ
การโดดร่มครั้งสุดท้ายในชีวิตราชการ

คือในตอนนั้นผมเพิ่งเซ็นเอกสารลาออกจากกองทัพบกหมาดๆ
ผมกำลังจะเดินออกไป และก็เจอกับคู่หูในทีมของผม
เขามองหน้าผมและก็พูดว่า " เฮ้ .. วันนี้เรามีซ้อมโดดร่มกัน
มาด้วยกันไหม ? " ผมตอบเขาไปว่า " เราเซ็นใบลาออกไปแล้วเพื่อน "

เพื่อนผมมองหน้าผมและก็พูดว่า
" เอาน่า .. โดดร่มครั้งสุดท้ายในชีวิตไง " 
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็คือผมติดรถไปกับเพื่อน
และก็กระโดดขึ้นเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว



ในตอนนั้นผมก็ทำการเตรียมตัว เช็คอุปกรณ์ตามมาตรฐาน 
และในวินาทีที่โดดออกไปและกระตุกร่ม .. สิ่งที่เกิดขึ้น
นั่นคือการที่ร่มกางผิดพลาด ซึ่งเป็นความผิดพลาดครั้งแรก
และครั้งเดียวตลอดชีวิตการรับราชการของผม ซึ่งมันน่ากลัวมาก

อุบัติเหตุครั้งนั้น คือร่มหลักกับร่มสำรองของผม
มันดันกางออกมาพร้อมกัน ! ซึ่งเมื่อถึงจุดนั้นมันมีโอกาสสูงมากๆ
ที่ร่มทั้งสองจะพันกัน และถึงจุดนั้นผมไม่มีร่มสำรองเหลืออีกแล้ว
และนั่นก็คงเป็นจุดจบของชีวิตผมแน่ๆ ...

แต่โชคดีที่ผมรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย ผมลงถึงพื้นได้
โดยที่ร่มทั้งสองไม่พันกัน ตลอดเวลาผมก็คิดย้อนกลับไปนะ
ว่ามันคงเป็นเรื่องตลกดี ผมเป็น Delta Forces มาตลอด
ไม่เคยเกิดปัญหาเลยซักครั้ง แต่ดันมาเกิดปัญหา Malfunction
ครั้งแรกในชีวิตในการโดดครั้งสุดท้าย .. แถมในตอนนั้น
ผมไม่ได้รับราชการแล้วด้วยนะ 



โอ้โห ! มันดูน่ากลัวมากๆเลยนะนั่น .. โอเค .. เมื่อกี้คือเรื่องที่น่ากลัวที่สุด
และอะไรคือเรื่องที่ภาคภูมิใจที่สุดตั้งแต่รับราชการมาเลย

Norm Hooten : เรื่องที่รู้สึกภูมิใจมากที่สุด นั่นคือความรู้สึก
ตอนที่ได้รู้ว่าผมกำลังจะเข้าหน่วย Delta Forces ครับ

นึกภาพออกไหม ในเวลาที่เราทุ่มเททุกอย่างเพื่อสิ่งหนึ่ง
จนกระทั่งมันได้ผล มันรู้สึกคุ้มค่า คุณรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบ
และอะไรหลายๆอย่างมากมายกำลังจะเข้ามาในชีวิต

จนกระทั่งในวินาทีที่คุณนั่งอยู่ที่เก้าอี้ในขณะที่ผู้บังคับบัญชาของคุณ
มองหน้าคุณและพูดว่า " ยินดีต้อนรับสู่ Delta Forces " 
วินาทีนั้นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุด และทรงพลังมากที่สุดในชีวิตเลย

และอะไรที่คุณเรียนรู้ และจดจำได้เสมอหลังจากการสู้รบ 

Norm Hooten : หากมีการยิงเกิดขึ้น จงก้มหัวให้ต่ำที่สุด
จำไว้ว่าทุกสิ่งมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มัน
ไม่สามารถคาดเดา
หรือหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เราคิดหรือต้องการได้เปะๆ 
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดตอนนั้นคือก้มหัวให้ต่ำที่สุด และหาทางเอาตัวรอดให้ได้

สิ่งสำคัญเลยคือคุณต้องมีสติ .. เมื่อใดที่คุณสติหลุด 
ถึงจุดนั้นมันจะกลายเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นกับคุณในเหตุการณ์นั้น
จงจำไว้เสมอว่าต้องมีสติในทุกวินาทีในเหตุการณ์ 
และคุณจะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์นั้นได้



คุณคิดถึงช่วงเวลาที่ยังรับราชการ
และออกไปประจำการในฐานะ Delta Forces อยู่ไหม ? 


Norm Hooten : ผมคิดถึงผู้คนในนั้น คิดถึงเพื่อนๆผมทุกคน
แต่ผมไม่คิดถึงการได้ไปประจำการที่นั่น ผมคิดถึงเรื่องราว
ที่พวกเราผ่านมันไปด้วยกันในตอนนั้นมากกว่า

ผมไม่เคยคิดถึงอาหารรสชาติแย่ๆที่ต้องกินเพื่อประทังชีวิต
ผมไม่เคยคิดถึงห้องนอนในตู้คอนเทนเนอร์เล็กๆ
ผมไม่เคยคิดถึงกำแพงทราย Sandbags ในฐาน
ผมไม่คิดถึงอะไรเลยนอกจากผู้คน นอกจากเพื่อนๆของผม
และเรื่องราวดีๆของพวกเราที่ผ่านกันมาตลอดหลายปี

ตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมจะมีให้พวกเขาได้ ก็คือวิสกี้และซิการ์ดีๆ
ที่เราจะมานั่งและแชร์เรื่องราวดีๆให้แก่กัน แต่ผมไม่อยากกลับไป
ผมไม่อยากกลับไปอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม หรือในบริเวณฐานทัพอีกแล้ว

ที่มา : Meet Hoot, the legendary Delta Force operator from 'Black Hawk Down' 


ผู้แปล / เรียบเรียง : Ronnakrit " Viking " Sripumma 
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

Leave a comment

All comments are moderated before being published