อีกมุมหนึ่งของ Operation Red Wing ที่ไม่มีคนรู้ .. เรื่องเล่าจากทีมนักบินตัวจริงในเหตุการณ์ Valor Tactical

เรื่องเล่าจากปากของทีมนักบินตัวจริงในเหตุการณ์
อีกมุมหนึ่งของ Operation Red Wing ที่ไม่มีคนรู้

เขียนโดย Joshua Skovlund เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2563
แปลและเรียบเรียงโดย เทอดพงษ์ ฉายะรถี เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2563

ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังตกลงหลังแนวเขาฮินดูคุช ณ ประเทสอัฟกานิสถาน
ในช่วงเย็นของวันที่ 27 มิถุนายน ค.ศ.2005 ทีม NAVY SEAL ของสหรัฐ
ที่มีสมาชิก 4 คนกำลังเดินขึ้นเฮลิคอปเตอร์ชีนุก MH-47 ที่ขับโดยนักบิน
กองทัพบกสหรัฐ ร้อยเอก แมทท์ เบรดี้ ที่ฐานทัพอากาศบาแกรม

เฮลิคอปเตอร์มีคำสั่งให้นำหน่วยซีลสอดแนมพิเศษ SEAL special reconnaissance (SR)
ไปส่งที่แนวหลังของข้าศึกในภูมิประเทศที่ทุรกันดาร ร้อยเอกเบรดี้รู้ว่าสมาชิกทีมซีลทั้ง 4 คน ร้อยตรี ไมเคิล เมอร์ฟี่, จ่าโทแดนนี่ ไดเอทซ์, จ่าโทมาร์คัส ลัทเทรลล์, และ จ่าโทแมธทิว แอกเซลสัน มีภารกิจที่มหาโหดรออยู่ และนาวิกโยธินที่ประจำในพื้นที่นั้นรู้ดีว่าบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่อันตรายมากชุกชุมไปด้วยกบฎตาลีบัน

เบรดี้คงไม่รู้ในขณะนั้น ว่าตอนนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทหารทุกนายที่
ฐานทัพอากาศบาแกรมจะเห็นทหาร 3 ใน 4 นายนั้นมีชีวิตอยู่



ภูเขาในอัฟกานิสถานและป่าในบริเวรหุบเขาที่ทหารทำการค้นหา
ร่างของสมาชิกทีมซีลสอดแนมที่เสียชีวิตในหน้าที่ทั้งสาม


กรมปฏิบัติการการบินพิเศษที่ 160 (Special Operations Aviation Regiment-SOAR)
เป็นกรมการบินที่ขึ้นชื่อของกองทัพบกสหรัฐ เป็นที่รู้กันว่าเป็นกรมการบินนี้
เป็นแหล่งที่มีนักบินมือฉมังระดับโลกอยู่หลายราย ซึ่งทำการบินพาหน่วยรบพิเศษ
เข้าออกพื้นที่ที่อันตรายมาหลายต่อหลายครั้งด้วยอากาศยานที่มีความก้าวหน้า
ทางเทคโนโลยีในคลังอากาศยานของกองทัพสหรัฐ กรมการบินนี้โด่งดังจากบทบาท
ที่ได้รับในสงครามแห่งโมกาดิชู (Battle of Mogadishu) และภารกิจสังหาร
อุซามา บิน ลาเดน แต่เป็นที่เคารพนับถือในแวดวงของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
ด้วยความกล้าหาญที่นักบินในกรมนี้ได้แสดงให้เห็นที่มักจะไม่ค่อยได้พบ
ในช่วงกลางวันเพราะประเภทของภารกิจที่ต้องเป็นความลับ

ภารกิจในครั้งนี้คือการจับเป็นหรือตาย อาหมัด ชาห์ ผู้นำตาลีบัน
แผนภารกิจที่มี 3 ส่วนด้วยกันประกอบไปด้วย การนำหน่วยซีลที่มีสมาชิก 4 นาย
เข้าพื้นที่ในคืนแรกแล้วจึงนำหน่วยซีลส่วนที่สองเข้าพื้นที่ในคืนต่อมาเพื่อ
ตั้งโซนแยกรอบๆชาห์และส่วนสุดท้าย นาวิกโยธินสหรัฐ 150 นาย
จะเข้าร่วมภารกิจโดยการวางตำแหน่งสกัดเพื่อให้ทีมซีลได้เข้าจู่โจมฐานของชาห์

หน้าที่ของทีม Night Stalkers คือการพาทีมซีลไปลงที่บริเวณสันเขา ซึ่งทำเลนั้น
มีตัวเลือกในการลงจอดน้อย ทีมซีลต้องทำการโรยตัวลงมาด้วยเชือก
โดยใช้วิธีการ Fast Rope ลงมาในขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังบินอยู่เหนือต้นไม้
ซึ่งนั้นหมายถึงหากหน่วยซีลต้องเผชิญกับปัญหา การพาทีมซีลออกมา
จะต้องมีการใช้เชือกห้อยในการพาสมาชิกทีมออก ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้เวลาและอันตราย

ในขณะที่เขากำลังขับเฮลิคอปเตอร์ไปยังจุดปล่อยทีมซีล
เบรดี้นั้นมองเห็นไฟเป็นจุดๆที่บริเวณภูเขาด้านล่างผ่านแว่นมองกลางคืนของเขา



เฮลิคอปเตอร์ MH-47 ชีนุกของกรมปฏิบัติการการบินพิเศษที่ 160
และเครื่องบิน KC-130J Super Hercules กับกองบินขนส่งเติมน้ำมัน
ทางอากาศนาวิกโยธินที่ 152 กำลังทำการเติมน้ำมันทางอากาศ
ในการฝึกซ้อม Yuma Horizon 19


"บริเวณที่เราไปมันเป็นส่วนที่โดดเดี่ยวของเทือกเขาฮินดูคุชนะ
และในช่วงกลางคืน คุณจะไม่ค่อยได้เห็นอะไรมากหรอก"
"ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าพวกเขาเป็นใคร แต่มันมีกิจกรรมเกิดขึ้นมากกว่าที่เราคาดไว้"

ในขณะที่เหล่านักบินไต่ระดับไปที่ความสูง 1000 ฟุตสุดท้าย
ลูกเรือเครื่องบิน AC-130 ที่ทำการเฝ้าระวังและสังเกตุการณ์พื้นที่เป้าหมายวิทยุแจ้งมาว่า
มีเหตุจำเป็นที่จะต้องละทิ้งตำแหน่งเนื่องจากมีปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง
เบรดี้นั้นรู้ดีว่าโดยปกติหากเครื่องบินสังเกตุการณ์มีเหตุให้ต้องละทิ้งตำแหน่งไปโดยไม่มีเครื่องบินลำอื่นมาสำรองภารกิจนั้นจะต้องถูกยกเลิก

เขาถามลูกเรือเครื่องบิน AC-130 สำหรับรายงานครั้งสุดท้ายถึงบริเวณจุดลงจอดที่เป็นไปได้ทั้ง 4 จุดของภารกิจที่ทีม Night Stalkers ได้รับทราบ

"เราเห็นผู้ชายสองคนในวัยที่สามารถทำการรบได้ น่าจะติดอาวุธ
อยู่ที่บริเวณจุดลงจอดที่อยู่เหนือสุด" ลูกเรือรายงาน"บริเวณจุดลงจอดหลัก
และจุดลงจอดสำรองดูเหมือนจะไม่มีมีภัยอันตรายใดๆ"

ด้วยความเชื่อที่ว่าเครื่องบิน AC-130 จะสามารถกลับมาประจำตำแหน่งได้ทันเวลา
เบรดี้จึงตัดสินใจที่จะดำเนินภารกิจต่อไป


จากทางซ้าย สิบเอกคาร์ลอส ปาเชโค่, จ่าสิบโทมาร์คัส วี มูราเลส, พันตรีแซม ซาวเออร์, จ่าสิบโทแอล อี โชรดส์, และ สิบเอกแดน เบลล์ ในช่วงเวลาของปฏิบัติการ Red Wings


เมื่อเข้าสู่จุดปล่อยทีม นักบินได้ทำการเชิดหัวเฮลิคอปเตอร์ขึ้นแล้วบินรักษาตำแหน่ง
ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์กำลังลดระดับลง มันเริ่มชัดเจนขึ้นมาว่าจุดลงจอดนั้นอยู่บริเวณ
เนินเขาที่ชันขึ้นของภูเขา ทำให้การระดับนั้นยากมากขึ้น เพราะโรเตอร์หน้าของเฮลิคอปเตอร์นั้นเข้าใกล้ภูเขาเร็วกว่าด้านท้ายของอากาศยาน

"รักษาตำแหน่งซ้ายขวา รักษาตำแหน่งหน้าหลัง"
เป็นเสียงจากวิทยุภายในที่พูดโดยวิศวกรเฮลิคอปเตอร์มายังเบรดี้

มีต้นไม้ที่มีความสูงกว่า 100 ฟุตรอบๆชีนุก และต้นไม้เหล่านี้ใกล้มาก
จนนักบินไม่มีพื้นที่ให้ขยับในขณะที่ลดระดับเครื่องลง

"เมื่อคุณได้ยินเสียงจากทั้งสี่ทิศทาง ทุกคนก็เริ่มเป็นกังวล" เบรดี้พูด
"นั้นหมายความว่าคุณไม่สามารถขยับไปทศทางไหนได้เลยโดยที่ไม่ทำให้เครื่องตก"

นักบินทำการลดระดับเครื่องลงจนถึงจุดที่โรเตอร์ด้านหน้าของชีนุกนั้น
ห่างจากต้นไม้สูงบริเวณรอบๆภูเขาเพียงแค่ไม่กี่ฟุตที่อยู่รอบๆเครื่อง
ลูกเรือเตะเชือกโรยตัวลง และทีมซีลทำการ Fast Rope ลงไป

เมื่อหัวหน้าลูกเรือกำลังพยายามที่จะดึงเชือกขึ้น
เขาพบว่าเชือกนั้นติดพันอยู่ด้านล่างภายหลังจากที่พยายามดึงเชือกขึ้นมา
หลายต่อหลายครั้ง เหล่าลูกเรือตัดสินใจที่จะตัดเชือกทิ้งไปในวินาทีที่เครื่องชีนุก
กำลังพยายามรักษาระดับเครื่องไว้ โอกาสที่ข้าศึกจะได้ยินเสียงสะท้อน
ของโรเตอร์ใบพัดทั้งสองก็ยิ่งมากขึ้น ทีมซีลนั้นพยายามอย่างสุดความสามารถ
ที่จะซ่อนเชือกไว้และซ่อนตัวในสันเขาหลบจากข้าศึก

ถึงแม้มันจะไม่ใช่การปล่อยทีมปฏิบัติการที่ดีที่สุด แต่ทีม Night Stalkers
ก็ปฏิบัติภารกิจของพวกเขาได้สำเร็จ พวกเขาไต่ระดับขึ้นแล้วจึงบินกลับ
ไปที่เมืองจาลาลาบัดเพื่อรวมกลุ่มกับทีมซีลอีกกลุ่มหนึ่ง
และเตรียมพร้อมรอในฐานะหน่วยตอบโต้เร็ว (Quick Reaction Force-QRF)
ในกรณีที่ทีมซีลสอดแนมถูกค้นพบและต้องการความช่วยเหลือ

ที่จาลาลาบัด เบรดี้ถูกเรียกเข้าพบโดยหัวหน้าชุดทีมซีล อีริค คริสเตนเซ่น
ที่ศูนย์ควบคุมปฏิบัติการ คริสเตนเซ่นหารือกับเบรดี้เรื่องการตัดสินใจตัดเชือกทิ้ง
ที่จุดลงจอดและสอบถามว่าเป็นไปได้ไหมที่ทีม Night Stalkers จะ
สามารถกลับไปเอาเชือกกลับมา


เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค UH-60 จากกรมการบินที่ 228 กำลังทำการห้อยทหารหนึ่งนาย


"งั้นเราจะต้องปล่อยทหารหนึ่งนายลงไปยังจุดลงจอดด้วยการห้อยตัว" เบรดี้อธิบาย
"ห้อยตัวทหารลงไปด้วยความสูงขนาดนั้นและภูมิประเทศแบบนั้นในเวลากลางคืนมันเป็นปฏิบัติการที่อันตรายเมื่อลงถึงพื้น เขาจะต้องไปหยิบเชือก เกี่ยวไว้กับตัว และถูกดึงกลับขึ้นมา ให้เฮลิปคอปเตอร์บินรักษาระดับไว้ที่ตำแหน่งเดิมในเวลาที่ยาวนานขนาดนั้นจะทำให้จุดลงจอดถูกเปิดเผยแล้วอาจจะเป็นการบอกตำแหน่งทีมซีลสอดแนมให้แก่ข้าศึกได้"

คริสเตนเซ่นเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของเบรดี้ และหลังจากที่ทีมซีลสอดแนมวิทยุ
กลับมาว่าพวกเขาจะทำการหลบซ่อนตัวประมาณ 1 วันในจุดซ่อนตัวของพวกเขา
เบรดี้และคริสเตนเซ่นจึงพักผ่อน

ในขณะที่กำลังเดินอยู่บริเวณลาดจอนอากาศยาน หัวหน้าชุดทีมซีลก็พูดขึ้นมาว่า
"อะไรที่ทำให้คุณบินเฮลิคอปเตอร์ที่หน้าตาหน้าเกลียดน่าชังแบบนั้น?"
"หน้าตามันก็ไม่ได้ดีหรอก แต่มันทำงานสำเร็จได้หน่ะ" เบรดี้ย้อนกลับ
"ก็เหมือนหน่วยซีลไง"

พวกเขาแบ่งปันเสียงหัวเราะให้แก่กันและกันในขณะที่กำลังโหลดของ
ขึ้้นเพื่อเที่ยวบินสำหรับกลับบาแกรม

ที่ศูนย์ปฏิบัติการบาแกรม พันตรี สตีเฟ่น ไรค์ เข้าหาเบรดี้อย่างรีบเร่ง
และถามว่าทำไมเขาถึงไม่ยกเลิกปฏิบัติการตามข้อปฏิบัติ
และทำการบินกลับฐานกับทีมซีลสอดแนมภายหลังจาก
ที่เครื่องบิน AC-130 บินออกจากน่านฟ้าของพวกเขา

เบรดี้บอกไปว่าเขาคาดการณ์ไว้ว่าเครื่องบิน AC-130 จะทำการบิน
ออกจากตำแหน่งเพียงชั่วครู่และลูกเรือของเครื่องบินแจ้งมาว่า
ไม่พบการมีอยู่ของข้าศึกในบริเวณจุดลงจอด เขาบอกไรค์ว่า
หากทำการเลื่อนภารกิจออกไปก็จะทำให้ชาห์นั้นดำเนินการก่อการร้าย
ของเขาต่อไปได้ ซึ่งอาจทำให้มีชาวบ้านในบริเวณนั้น
หรือแม้แต่ทหารสหรัฐด้วยกันเองบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้

"ดี" เบรดี้นึกย้อนในสิ่งที่ไรค์พูด "ผมดีใจที่คุณเป็นผู้บังคับบัญชา
ภารกิจทางอากาศที่มีความคิด และไม่ได้มองภารกิจให้เป็นเพียงภาพขาวดำเท่านั้น"

หลังจากนั้น พวกเขาจึงเข้าห้องพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อม
สำหรับส่วนที่สองของปฏิบัติการในคืนถัดมา


สมาชิกบางส่วนของ Night Stalkers กำลังพักผ่อนอยู่ในที่พักของพวกเขา


ในขณะที่ทีม Night Stalkers นอนหลับอยู่ ทีมซีลสอดแนม
ก็ถูกพบเจอด้วยศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าพวกเขาทำการสู้รบกัน
และสักช่วงเวลาหนึ่งกำลังรบเฉพาะกิจก็ขาดการติดต่อกับพวกเขา

เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงของเบรดี้ได้ทำการปลุกเขาขึ้นมา
และกล่าวว่าทีมซีลสอดแนมกำลังเผชิญกับปัญหา
และทีม Night Stalkers ได้รับคำสั่งให้นำเฮลิคอปเตอร์ไปรับพวกเขากลับมา

"มันเป็นไปไม่ได้" เบรดี้ตอบ ซึ่งกำลังสับสนจากระยะเวลาความเร็ว
ที่ทีมซีลถูกค้นพบโดยศัตรู"พวกเขามีชุดตอบโต้เร็วของเขาเอง
เราอยู่ในสายบัญชาการที่ต่างกัน มันไม่มีเหตุผลเลย"

แต่เบรดี้ก็รู้และปฏิบัติตนตามคำสัญญาของทีม Night Stalkers
ที่ให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการตลอดมา"หากเราพาคุณเข้าไป
เราจะไม่หยุดในการที่จะพาคุณกลับมา - ถึงแม้ในทางเทคนิค
มันจะเป็นงานของคนอื่นก็ตาม"

เบรดี้รีบไปยังศูนย์ปฏิบัติการ ที่ที่เจ้าหน้าที่สัญญาบัตรพิเศษขั้นที่ 4
คริส ไอเชอร์ กำลังบอกผู้บังคับบัญชากำลังรบเฉพาะกิจว่าพวกเขา
ควรรอจนกว่าจะถึงช่วงเวลากลางคืนก่อนที่จะส่งชุดตอบโต้เร็วเข้าไป
เพราะหากส่งเข้าไปช่วงกลางวันจะทำให้พวกเขาเกิดอันตรายมากกว่าเดิม
กรมปฏิบัติการการบินพิเศษที่ 160 เคยเสียเฮลิคอปเตอร์
เพียงแค่ช่วงกลางวันเท่านั้นในขณะนั้น
พวกเขามีเหตุผลถึงได้ถูกเรียกว่า Night Stalkers

ผู้บังคับบัญชาอธิบายว่าผู้บังคับบัญชาภาคพื้นดินนั้นได้ปฏิเสธแผนการนี้
ไปแล้วและไม่ต้องการรออีกต่อไปแล้ว

เบรดี้วิ่งไปหารองผู้บังคับหมวดของเขา พันจ่าอากาศเอก ไมค์ รัสเซลล์
ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่และได้ทำการอัพเดทถึงสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับ

"คุณจริงจังเหรอ?" รัสเซลล์กล่าว

รัสเซลล์จึงรีบเริ่มทำงานโดยทันที ทำการรวบรวมเหล่าลูกเรือ
เพื่อเตรียมอากาศยานสำหรับภารกิจ


เฮลิคอปเตอร์ชีนุก 3 ลำ จากกรมปฏิบัติการการบินพิเศษที่ 160 จอดอยู่ที่บริเวณลานจอด

ในบาแกรม อัฟกานิสถาน

กลับมายังศูนย์ปฏิบัติการ เหล่าผู้บังคับบัญชากำลังยุ่งวุ่นวายในการค้นหา
ตำแหน่งทีมซีลสอดแนมล่าสุดและคำนวณว่าเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำ
จะสามารถบินไปกับทหารได้กี่นาย เมื่อพวกเขาได้แผนแล้ว
จึงทำการส่งทีม Night Stalkers ไป

ในขณะที่เบรดี้กำลังเดินไปยังชีนุกที่เขาจะทำการบิน
เขาสังเกตุเห็นว่าหมายเลขที่ท้ายเครื่องคือ 1-4-6 เฮลิคอปเตอร์ลำนี้
มีนามเรียกว่า Turbine 33 คริสเตนเซ่นและสมาชิกทีมซีลของเขา
กำลังรออยู่ที่ท้ายเครื่อง ยืนล้อมเป็นวงกลมอยู่

"แผนการโจมตีของเราคือคุณจะต้องนำเราไปยังบริเวณพื้นที่สูง
ที่ใกล้กับทีมซีลสอดแนมให้ใกล้ที่สุดเท่าที่จะใกล้ได้
แล้วเราจะทำการต่อสู้และลงเขาไป" เบรดี้นึกย้อนในสิ่งที่คริสเตนเซ่นพูด

เพราะทีมซีลนั้นไม่รู้ว่าตำแหน่งที่แน่นอนของทีมซีลสอดแนมนั้นอยู่ตรงไหน
คริสเตนเซ่นจึงเชื่อว่าการนำทีมของพวกเขาไปปล่อยจุดที่ได้เปรียบทางยุทธวิธี
ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

"ปล่อยเราลงตรงพื้นที่สูง แล้วเราจะไปช่วยเหลือพรรคพวกของเรา"
คริสเตนเซ่นบอกเบรดี้



ทีมซีลที่ปฏิบัติการในอัฟกานิสถานเพื่อการสนับสนุนปฏิบัติการ Enduring Freedom
จากซ้ายไปขวา แมทธิว จี แอกเซลสัน จากเมืองคูเปอร์ติโน่ รัฐแคลิฟอร์เนีย,
แดเนี่ยล อาร์ ฮีลี่ จากเมืองเอ็กเซเตอร์ รัฐนิว แฮมป์เชียร์, เจมส์ สุห์ จากเมืองเดียร์ฟิลด์ บีช รัฐฟลอริด้า, มาร์คัส ลัทเทรลล์, อีริค เอส แพตตัน จากเมืองโบลเดอร์ ซิตี้ รัฐเนวาด้า, และ ไมเคิล พี เมอร์ฟี่ จากเมืองพัทโชค รัฐนิวยอร์ค ทุกคนในรูปนี้ยกเว้นลัทเทรลล์ เสียชีวิตในหน้าที่ทั้งหมดในวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ.2005 โดยข้าศึก
ในขณะที่กำลังสนับสนุนปฏิบัติการ Red Wings


ในขณะที่เบรดี้กำลังปืนขึ้น Turbine 33 และเริ่มทำการรัดเข็มขัดตัวเอง
ไรค์ก็มาแตะที่หัวไหล่ของเขาและถามว่าแผนของเขาคืออะไร ไรค์ ผู้ที่ถูกกำหนดให้เป็นผู้บังคับบัญชาสำหรับส่วนที่สองของปฏิบัติการ รู้สึกว่าหน่วยตอบโต้เร็วเป็นความรับผิดชอบของเขา

"เราเหมือนเถียงกันอยู่นาน 30 นาที ทั้งๆที่เราเถียงกันจริงๆแค่ 30 วินาที" เบรดี้ย้อนนึก

แต่ไรค์ตัดบท "ผมไม่สนจริงๆ แมทท์" "คุณออกไปเลย และเอาสัมภาระของคุณไปด้วย
นี่มันภารกิจของผม"

เบรดี้กล่าวว่าตอนนั้นเขาขอร้องไรค์ว่าอย่างน้อยก็ให้เขาไปด้วย
เขายินดีที่จะเป็นพลปืนประจำเครื่องและช่วยสอดส่องด้วย

"ไม่ ผมอยากให้คุณประจำอยู่ที่ศูนย์บัญขาการและรับตำแหน่งของผม
ในฐานะเจ้าหน้าปฏิบัติการและคอยติดตามดูจากที่นี่" ไรค์ตอบ

เบรดี้ผิดหวัง แต่เขาก็ทำตามคำสั่งและออกจากเฮลิคอปเตอร์
ในขณะที่เขากำลังมองชีนุกสองลำกำลังแท็กซี่บนรันเวย์
เขาได้ประสานสายตากับรัสเซลล์ รองผู้บังคับหมวดของเขา

"เขามีท่าทีที่เป็นมืออาชีพและมุ่งมั่น -
เหมือนเขาพร้อมที่จะทำตามปฏิญาณของ Night Stalker" เบรดี้พูด

เขาเดินกลับเข้าไปยังศูนย์บัญชาการเพื่อติดตามดูสถานการณ์
และให้การสนับสนุนจากบาแกรม


แมทท์ โรจี้ ทางซ้าย และ แมทท์ เบรดี้ ขณะกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานในบาแกรม


ชีนุกสองลำ - Turbine 33 และ Turbine 34 - ขนทหารหน่วยซีลลำละ 16 นาย
รวมไปถึงนักบินของทีม Night Stalkers และลูกเรือด้วย บินไปยังจาลาลาบัด
และเดินทางไปยังตำแหน่งสุดท้ายที่รู้ของทีมซีลสอดแนม

พวกเขาได้รับข้อมูลจากบาแกรมถึงจำนวนของคนที่สามารถอยู่บนเฮลิคอปเตอร์
และยังสามารถทำการบินระดับสูงมากได้ พวกเขาต้องทำการนำหน่วยซีล 8 นาย
ออกจากเฮลิคอปเตอร์แต่ละลำก่อนจะไปต่อ

"มีหลายคนที่ยังอยากปฏิบัติภารกิจต่อไป" เจ้าหน้าที่สัญญาบัตรพิเศษขั้นที่ 3
ทิม แกรแฮม นึกย้อนหนึ่งในนักบินของเครื่อง Turbine 34

แผนคือการพาหน่วยซีล Fast Rope ลงไปยังสันเขาเหนือจุดลงจอดเดิม ทีม Night Stalkers จะบินวนกลับไปยังจาลาลาบัดเพื่อรับหน่วยซีลที่ตกค้าง

ในขณะที่กำลังทำการบิน ทีม Night Stalkers ได้ทำการบินผ่านเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่
ซึ่งนักบินของอาปาเช่ได้ทำการติดต่อเข้ามาว่า ทีม Night Stalkers จะชะลอลง
เพื่อให้อาปาเช่ได้ช่วยเหลือการสอดส่องและสนับสนุนปฏิบัติการรึเปล่า
แต่เพราะไม่อยากเสียเวลาอันมีค่าไปในการรอคำอนุญาตจากเสียงของผู้บังคับบัญชากำลังรบเฉพาะกิจ ทีม Night Stalkers จึงทำการบินต่อไปโดยไม่มีอาปาเช่ติดตาม



ทิม แกรแฮม ขณะยืนอยู่ในบาแกรม


เมื่อถึงจุดปล่อยทีมซีลที่สันเขา Turbine 33 ก็ทำการลดระดับแล้วจึงรักษาระดับความสูงไว้
แกรแฮมมองจาก Turbine 34 ไปยัง Turbine 33 ในขณะที่เฮลิคอปเตอร์
กำลังลดประตูท้ายลำลงและลูกเรือเดินไปบนประตูท้ายลำ
เพื่อทำการสำรวจจุดลงจอดด้านล่าง เฮลิคอปเตอร์ของแกรแฮมก็ได้ทำการบินไปด้านขวา
และทำการปล่อยทีมซีลลงหลังจากที่ Turbine 33 ขยับออกเพื่อให้ลำของเขาเข้ามาได้

นั้นเป็นจังหวะที่สิบโทสตีเว่น สมิธ วิศวกรประจำเครื่องที่ท้ายลำของ Turbine 34
เห็นหางควันออกมาจากแนวต้นไม้ตรงไปยัง Turbine 33 จรวดได้บินผ่านประตูท้ายลำ
ที่เปิดอยู่ของชีนุกและระเบิดด้านในจมูกเครื่องของ Turbine 33 ดิ่งลงและสไลด์ไปด้านข้าง ซึ่งเหมือนกับว่าตอนแรกจะรักษาระดับเครื่องไว้ได้แต่ใบพัดโรเตอร์ทั้งสองเริ่มชนกัน และหลังจากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็พลิกไปด้านขวา ก่อนที่จะกลับหัวในขณะที่ดิ่งลงไปยัง
หุบเขาด้านล่าง

สมิธและคนอื่นมองไปที่ Turbine 33 อย่างช่วยอะไรไม่ได้
ในขณะที่ชีนุกซึ่งเต็มไปด้วย นักบิน ลูกเรือและสหายของพวกเขา
ตกลงไปชนกับภูเขาและระเบิดเป็นลูกเพลิง

"อัลและคิปอยู่บนประตูท้ายลำตอนที่จรวด RPG ระเบิด" สมิธ
ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ที่น่าสลดกล่าว "พวกเขาดิ่งลงไปพร้อมกับเพื่อนทั้งแบบนั้นเลย"




ลูกเรือขณะกำลังนั่งอยู่ที่ประตูด้านท้ายของเฮลิคอปเตอร์ชีนุก CH-47 ขณะบินอยู่เหนือบริเวณอัฟกานิสถานทางตอนใต้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ค.ศ. 2010


แกรแฮมและนักบินผู้ช่วยขอบเขาบังคับชีนุกให้บินวนเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต
ในขณะที่พวกเขากำลังหันเครื่องกลับแกรแฮมเห็นเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค 5 ลำ
กำลังทำการหลบด้วยวิธีแบบกลุ่มดาว Turbine 34 เริ่มถูกระดมยิงอย่างหนัก
จากข้าศึกที่มองไม่เห็นด้านล่าง พวกเขาจึงหลบฉากและบินนอกเหนือ
ระยะการยิงของข้าศึก

แกรแฮมรายงานสถานการณ์กลับไปยังบาแกรม
เบรดี้นั้นแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อได้รับการติดต่อ
เขาคงจะอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในวินาทีสุดท้าย
เขาขอให้แกรแฮมย้ำอีกครั้ง เพราะเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พึ่งได้ยิน

หนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาของเบรดี้ที่ศูนย์บัญชาการถามคำถามกับเขา
แต่เบรดี้นั้นตัวแข็งไปเพราะความช็อกอยู่ในขณะหนึ่ง
และความจริงก็ได้กระแทกหน้าเขา : ตอนนี่้เขาเป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว

เบรดี้บอกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาในการให้เวลาเขาชั่วครู่
เพื่อรวบรวมข้อมูลให้มากกว่านี้ในการวางแผนปฏิบัติการต่อไป
เขาเดินออกจากศูนย์บัญชาการและพบกับไอเชอร์

"คริส Turbine 33 พึ่งโดนยิงตก" เขาบอกไอเชอร์
ผู้ทีได้สมญานาม "มนุษย์น้ำแข็ง"
เนื่องจากท่าทีของเขาที่ดููเยือกเย็นอยู่ตลอดเวลา

ไอเชอร์มองมายังเบรดี้และกล่าวว่า
"ไม่หรอก เขาคงเอาเครื่องลงเพื่อซ่อมแซม"

เบรดี้ยืนยันด้วยรายละเอียด เขาและไอเชอร์รีบกลับไปยังศูนย์บัญชาการ

เฮลิคอปเตอร์อาปาเช่สองลำเข้าทำการสนับสนุน หลอกล่อข้าศึก
ให้เปลี่ยนเป้าหมายจากการระดมยิงไปที่ Turbine 34 ไปยังจุดอื่น
ซึ่งทำให้ลูกเรือของ Turbine 34 สามารถกลับไปให้รายละเอียด
เกี่ยวกับพื้นที่ที่เฮลิคอปเตอร์ตกกับศูนย์บัญชาการได้

"มันดูเหมือนว่าจะมีคนรอดชีวิตมาจากเฮลิคอปเตอร์ตก" แกรแฮมกล่าว
"คุณได้แต่หวังว่าจะมีคนรอด แต่มันไม่ได้ดูดีเลย"


จุดตกของ Turbine 33


พวกเขาบินไต่ระดับแล้วจึงทำการบินวนประมาณ 1 ชั่วโมง
ก่อนผู้บังคับบัญชากำลังรบเฉพาะกิจจะสั่งให้บินกลับมายังจาลาลาบัด
เพราะไม่อยากทิ้งพวกพ้องของพวกเขา

ผู้บังคับบัญชาหัวหน้าหน่วยทีมซีลจึงทำแผนการขึ้นมากับทีม Night Stalkers
ในการนำพวกเขาไปยังจุดที่สูงขึ้นบนสันเขาและทำการต่อสู้
เพื่อลงมายังบริเวณจุดตกด้านล่างเพื่อที่ Turbine 34
จะสามารถบินกลับไปยังจาลาลาบัดได้ ทำการรับเจ้าหน้าที่หน่วยซีลให้มากที่สุด
เท่าที่จะมากได้ และบินกลับมาเสริมกำลังซีล 8 นายที่เหลือ

ผู้บังคับบัญชากำลังรบเฉพาะกิจปฏิเสธคำขอนี้และสั่งให้ Turbine 34
กลับมายังจาลาลาบัด ถึงแม้จะโกรธและโมโหแค่ไหนก็ตาม แกรแฮมก็ปฏิบัติตามคำสั่ง

สมิธเล่าว่าทุกคนบนชีนุกนั้นโกรธมาก หนึ่งในสมาชิกทีมซีลถึงขั้นพยายามชักปืนพกขึ้นมาเพื่อพยายามบังคับให้ชีนุกลงจอดเพื่อพวกเขาจะได้ไปช่วยเหลือเพื่อนแต่ก็ไม่สำเร็จ

แกรแฮมลงจอดที่ฐานเติมกระสุนและเติมน้ำมันส่วนหน้า
(Forward Arming and Refueling Point - FARP)ซึ่งอยู่บริเวณชานเมืองจาลาลาบัด
ภายหลังจากลงจอด แกรแฮมเห็นแบล็คฮอว์ค 5 ลำเดิมที่บินจากไปจอดอยู่ที่รันเวย์
เขาไม่ได้คิดอะไรมากในขณะนั้นแต่หลายปีหลังจากนั้นเขาได้ทราบว่า
ผู้บังคับหมวดคนใหม่ได้มาที่กรมการบินที่ 160 ด้วยแบล็คฮอว์คเหล่านั้น


แบล็คฮอว์คแต่ละลำนั้นมีนาวิกโยธินอยู่บนเครื่องและบินออกไป
โดยคิดว่าพวกเขาเป็นหน่วยตอบโต้เร็วสำหรับทีมซีลสอดแนม
เมื่อ Turbine 33 ถูกยิงตก พวกเขาได้รับคำสั่งใหม่ให้บินกลับมา
พร้อมกับ Turbine 34 และเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่จนกว่าส่วนถัดไป
ของภารกิจจะปรากฎ



ลานจอดของเฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์ค UH-60L ของกองทัพบกสหรัฐ


ภายหลังจากการเติมน้ำมัน เขาเดินทางต่อไปยังจาลาลาบัด
และนำกำลังพลออกจากเฮลิคอปเตอร์

"เมื่อผมพบกับเขาบนพื้นดินที่จาลาลาบัด แกรแฮมนั้นตัวค่อนข้างสั่น" เบรดี้นึกย้อน
ผู้บังคับบัญชากำลังรบเฉพาะกิจทำการสรุปภารกิจแล้วจึงโฟกัสไปยังการวางแผนขั้นต่อไป

สมิธเล่าว่าเขาเห็นแถวที่เต็มไปด้วยยานเกราะและทหาร

"ผมเห็นยานเกราะหลายคันที่มีทหารติดอาวุธตั้งแต่หัวจรดเท้า"
สมิธย้อนความหลัง ..  "พวกเขาออกไปเป็นขบวนยานเกราะด้วยความแค้น
และพวกเขาทำการต่อสู้และขึ้นเขา ขึ้นไปจนถึงจนเครื่องตก"

ทีม Night Stalkers ที่เหลือก็เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจช่วยเหลือ
สมาชิกทีมเนวี่ ซีล, เรนเจอร์จากกองทัพบกและ
กองบัญชาการร่วมปฏิบัติการพิเศษ (Joint Special Operations Command-JSOC)
พากันขึ้นชีนุก 5 ลำ ทุกคนทั้งโกรธ โมโห และพร้อมที่จะไปรับสหายร่วมรบกลับมา

เหล่าเฮลิคอปเตอร์ชินุกบินไปทีภูเขาอีกครั้ง แต่ในขณะที่กำลังไต่ความสูงขึ้น
ได้พบกับสภาวะอากาศที่ย่ำแย่ ฟ้าร้องและฟ้าผ่ารอบๆพวกเขา

"ข้าศึกเป็นหนึ่งในปัจจัย แต่สภาวะอากาศเป็นปัจจัยที่ใหญ่กว่า
และในตอนนั้นดูเหมือนวาพลังธรรมชาติจะเริ่มมีพละกำลัง
ที่เหนือกว่ากำลังข้าศึกซะแล้ว" เบรดี้กล่าว

เบรดี้กล่าวว่าทัศนวิสัยนั้นแย่มากจนเขาไม่สามารถมองเห็นไฟความร้อน
จากเครื่องยนต์ของชีนุกที่อยู่ข้างหน้าเขาได้มีคำสั่งให้ยกเลิกภารกิจ
และกลับฐานอีกครั้ง มันเป็นคำสั่งที่ก้ำกลืนสำหรับทุกคนในภารกิจ
เพราะทุกคนรู้ว่าสมาชิกทีมซีลที่อยู่ในทีมซีลสอดแนมกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
และหนึ่งในเฮลิคอปเตอร์ของพวกเขาและลูกเรือนั้นกำลังเกิดไฟไหม้ข้างๆภูเขาอยู่

กลับมาที่จาลาลาบัด ผู้บังคับบัญชาตัดสินใจว่าพวกเขาไม่มีตัวเลือกแล้ว
นอกจากจะต้องรอสภาวะอากาศให้ดียิ่งขึ้นและจะลองใหม่อีกครั้งในคืนถัดไป

----------------------------------------------------------
ขณะที่ทีมช่วยเหลือกำลังทำการค้นหาผู้เสียชีวิตและผู้รอดชีวิต

ในขณะที่พายุกำลังโหมกระหน่ำ สมาชิกของกำลังรบเฉพาะกิจ
ที่ยังมีถูกหลอกหลอนด้วยความคิดถึงสหายร่วมรบบนภูเขาก็พยายามข่มตาหลับ

ในขณะที่คืนต่อมากำลังมาถึง กำลังรบเฉพาะกิจก็เริ่มทำงานวางแผน
ในการเข้าไปที่บริเวณสันเขาที่อันตรายอีกครั้ง ทีม Night Stalkers
ก็เริ่มเตรียมยุทโธปกรณ์ต่างๆบนชีนุกและลำเลียงเหล่าเรนเจอร์
และทีมซีลเดินทางไปยังภูเขาอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถึงบริเวณเป้าหมาย สมาชิกของกำลังรบเฉพาะกิจ
ก็ทำการโรยตัว Fast-rope ลงไป ด้วยความที่ต้นไม้สูงมาก
ทำให้การโรยตัวต้องใช้ความยาวเชือกจนสุด ที่ประมาณ 90 ฟุต
มีทหารหลายนายมีอาการบาดเจ็บที่มือจากการที่โรยตัวที่ความสูงขนาดนั้น
แม้จะมีถุงมือช่วยก็ตาม

เมือทุกคนถึงพื้น พวกเขาก็เริ่มทำการค้นหาผู้บาดเจ็บ
ผู้รอดชีวิตที่อาจรอดอยู่ และค้นหาอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลชั้นความลับ

ในขณะที่ทีม Night Stalkers กำลังบินกลับบาแกรม
กองกำลังสมาชิกภาคพื้นดินของ JSOC ที่ได้เดินทางเป็นขบวน
ไปยังจุดตกได้วิทยุกลับมายังกำลังรบเฉพาะกิจว่าพวกเขาได้ทำการตรวจพื้นที่
โดยละเอียดแล้วและพวกเขาไม่พบผู้รอดชีวิต

สมาชิกของ JSOC และรวมไปถึงกำลังเสริมที่พึ่งเดินทางมาถึง
ได้เริ่มทำงานในการเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตในหน้าที่และรวมไปถึง
อุปกรณ์ที่เป็นความลับที่ไม่สามารถตกไปอยู่ในมือข้าศึกได้
แล้วพวกเขาจึงใช้ระเบิดในการเคลียร์พื้นที่ให้ใหญ่พอที่จะให้ชีนุก
สามารถลงจอดได้เมื่อชีนุกบินกลับมา


ระเบิดถูกใช้ในการเคลียร์ต้นไม้
เนื่องจากความหนาของต้นไม้นั้นหนาเกินกว่าที่จะใช้เลื่อยไฟฟ้าได้


เจ้าหน้าที่สัญญาบัตรพิเศษขั้นที่ 4 แมทท์ โรจี้ มาถึงที่บาแกรม
ก่อนที่ทีม Night Stalkers จะเดินทางมาถึงหลังไปส่งทีมเก็บกู้มา
แมทท์ได้รับมอบหมายให้มาแทนไอเชอร์ในการเป็นผู้นำการบินอาวุโส
เขาพยายามเรียนรู้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนที่เขาจะต้องขึ้นอากาศยาน
และเข้าร่วมภารกิจ

โรจี้เจอไอเชอร์ที่บริเวณลานจอดตอนที่เขานำชีนุกลงจอดเมื่อกลับมาจากภารกิจ

"ผมดีใจที่คุณมานะ เพราะผมไม่มีแรงเหลือแล้ว" ไอเชอร์บอกเขา

ทีม Night Stalkers บินกลับไปยังจุดลงจอดใหม่ในคืนต่อมา
สภาพอากาศนั้นกลับมาเลวร้ายอีกครั้งในขณะที่พวกเขากำลัง
ระบายพลนาวิกโยธินออกจากชีนุกเพื่อเพิ่มกำลังในการรักษาความปลอดภัย

"ผมสามารถมองเห็นผืนหญ้าด้านล่างที่กำลังถูกพัดปลิวด้วยโรเตอร์ใบพัดและถุงเก็บศพที่วางรายเรียงกันเป็นแถวมีอยู่ 16 ถุงด้วยกัน" โรจี้นึกย้อน "บริเวณจุดตกนั้นมันยังมีควันความร้อนอยู่เลย ผมสามารถเห็นไฟจากความร้อนผ่านกล้องมองกลางคืนของผมได้"


ถุงศพที่มีผู้เสียชีวิตจาก Turbine 33 บรรจุอยู่ก่อนทำการเคลื่อนย้ายกลับบาแกรม

เหล่าเรนเจอร์และทีมซีลทยอยลำเลียงสหายร่วมรบที่เสียชีวิตขึ้นชีนุกที่จอดอยู่
และพากันกลับบาแกรมกับพี่น้องของพวกเขา ในเที่ยวบินขากลับนั้น
มีแต่ความเงียบสงัด ความสูญเสียนั้นแสนสาหัสเหลือเกินสำหรับทุกคน

ในขณะที่ทีม Night Stalkers เข้าใกล้บาแกรม พวกเขาสามารถมองเห็น
ไปยังฐานทัพได้และเห็นว่าทุกคนในฐานทัพกำลังยืนอยู่ที่ข้างนอก
เพื่อแสดงความเคารพต่อผู้ที่จากไป

"เมื่อพวกเราทำการลงจอด เราเห็นแถวของทีม Night Stalkers, เรนเจอร์,
และทีมซีลยาวเหยียดสุดลูกหูลุกตา ทุกคนเข้าแถวและพร้อมที่จะช่วยเหลือ
ในการส่งผู้ที่เสียชีวิตไปยังส่วนฌาปนกิจ" เบรดี้นึกย้อน

เมื่อประตูท้ายเครื่องเปิด ทีม Night Stalkers บนชีนุกก็ยืนตรงยืนอกและภาคภูมิใจ
ในสหายร่วมรบที่ได้เสียชีวิต สมาชิกของกำลังรบเฉพาะกิจก็ขึ้นมาที่เครื่อง
และทำการเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิตด้วยความเศร้าโศกไปยังตึกฌาปนกิจ

"พวกเราทุกคนหัวใจสลาย" โรจี้กล่าว


ผู้นำทางศาสนกิจเดินนำสมาชิกของกำลังรบเฉพาะกิจที่กำลังแบกโลงศพขึ้นเครื่องบิน C-17

เครื่องบิน C-17 จอดอยู่ที่รันเวย์โดยเปิดประตูท้ายเครื่อง รอรับโลงศพ 16 โลงที่บรรจุผู้ที่เสียชีวิตเบรดี้ยืนอยู่ข้างผู้บังคับบัญชาทีมซีล - ทั้งคู่นั้นต้องทำหน้าที่เป็นผู้บังคับบัญชาในส่วนของตนเมื่อไรค์และคริสเตนเซ่นเสียชีวิตบน Turbine 33 ใบหน้าที่ผ่านสมรภูมิมามากมายของพวกเขานั้นเศร้าหมองเมื่อพวกเขามองสมาชิกของกำลังรบเฉพาะกิจทำการนำโลงศพที่ถูกคลุมด้วยธงชาติทั้ง 16 โลงขึ้นมาบนเครื่องบิน C-17

เบรดี้กล่าวว่ามันเหมือนทั้งฐานทัพได้ให้การส่งลาที่สมฐานะแก่ผู้เสียชีวิต

ในขณะที่โลงศพกำลังถูกลำเลียงขึ้นมาบนเครื่อง มีสมาชิกทีมซีลนายหนึ่งวิ่งขึ้นมาหาผู้บังคับบัญชาทีมซีลคนใหม่และได้มอบกระดาษแผ่นนึงไว้ที่มือของเขา ในกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า มาร์คัส ลัทเทรลล์ ยังมีชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านใกล้เคียง
ผู้บังคับบัญชาทีมซีลนั้นสติหลุดและร้องไห้ในช่วงเวลาที่ข่าวดีเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด

สมาชิกของทีม Night Stalkers ของกรมการบินที่ 160 SOAR ที่เสียชีวิตประกอบไปด้วย:

จ่าสิบตรี เชมัส โอ โกแอร์
เจ้าหน้าที่สัญญาบัตรพิเศษ คอรี่ย์ เจ กูดเนเจอร์
สิบเอก คิป เอ จาโคบี้
จ่าสิบโท มาร์คัส วี มูราเลส
พันตรี สตีเฟ่น ซี ไรค์
จ่าสิบโท ไมเคิล แอล รัสเซลล์
เจ้าหน้าที่สัญญาบัตรพิเศษ คริส เจ เชอร์เคนบัค
จ่าสิบเอก เจมส์ ดับบลิว พอนเดอร์ ที่ 3


เหล่าทหารและกะลาสีจากกำลังรบเฉพาะกิจกำลังกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้าย


สมาชิกของกำลังรบเฉพาะกิจกล่าวคำอำลาสุดท้าย เครื่องบิน C-17 ทำการปิดประตูท้ายเครื่อง แท็กซี่ไปยังรันเวย์ แล้วจึงบินขึ้นไป เหล่านักรบที่เสียชีวิตกำลังจะเดินทางกลับบ้าน

เครื่องบิน C-17 บินทะยานเหนือฟ้าหลังจากแวะที่เยอรมนี ซึ่งเป็นจุดแวะพักเครื่องที่จำเป็นในการบินกลับสหรัฐที่ท้ายเครื่องนั้นมีโลงศพที่ถูกคลุมด้วยธงชาติอเมริกาอยู่ 16 โลง
: ผู้กล้าของทีม Night Stalkers และสมาชิกทีมซีลจาก Turbine 33

เด็กหลายช่วงอายุวิ่งไปมาผ่านโลงศพ ตะโกนและหยอกล้อกัน เด็กๆเหล่านั้นยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจการเสียสละที่เหล่าผู้เสียชีวิตได้กระทำไป มีสมาชิกตาลิบันระดับสูง (High Value Target-HVT) นั่งอยู่ที่มุมไกลๆ ล้อมรอบโดยทหาร

อีกทั้งยังมีทหารที่กรำศึกหนักโดยสารมาด้วย 3 นาย หนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกทีมซีล
และอีกสองคนเป็นสมาชิกทีม Night Stalkers ดาเนียล เบลล์ และ คริส ไอเชอร์
นั่งอยู่ที่ด้านข้าง มองออกไปข้างนอกอย่างไม่สบอารมณ์ พวกเขานั้นเหนื่อยและโกรธ
กับความผิดพลาดที่กองทัพอากาสสหรัฐได้ทำโดยการให้ตาลิบันโดยสารมาด้วย
ในเที่ยวบินขากลับมาตุภูมินี้


เหล่าสมาชิกจากกำลังรบเฉพาะกิจกำลังกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้าย
ต่อผู้เสียชีวิตก่อนที่พวกเขาจะถูกพากลับบ้านไปยังสถานที่พักผ่อนสุดท้าย


ปฏิบัติการช่วยเหลือที่รู้จักกันในชื่อ Operation Red Wings 2
ดำเนินต่อเนื่องต่อไปอีกสัปดาห์แทบจะทุกส่วนของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
ของกองทัพสหรัฐได้เข้าร่วมในการเข้าช่วยเหลือผู้รอดชีวิตและผู้เสียชีวิตในพื้นที่
ทีแทบจะอันตรายที่สุดในอัฟกานิสถาน

สมาชิกทีมซีลสอดแนม มาร์คัส ลัทเทรลล์ เป็นเพียงผู้รอดชีวิตนายเดียว
จากสมาชิกทีมซีลสอดแนมที่มีสี่นายในตอนแรก

สำหรับทีม Night Stalkers จากกรมปฏิบัติการการบินพิเศษที่ 160,
สงครามต่อต้านก่อการร้ายยังดำเนินต่อไป ....


ที่มา https://coffeeordie.com/red-wings-night-stalkers/ ,
30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

Leave a comment

All comments are moderated before being published